รางน้ำฝนเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน
“รางน้ำฝน” เป็นสิ่งที่คู่กันกับงานหลังคา และหลังคากันสาด รางน้ำฝนต้องตอบโจทย์การใช้งานเพื่อให้เราสามารถอาศัยอยู่ในบ้านในหน้าฝนได้อย่างไร้กังวล ทั้งเรื่องน้ำฝนที่อาจกระเด็นไปยังพื้นที่ที่เราไม่ต้องการ หรือปัญหาน้ำไหลย้อนกลับมายังเชิงชายและฝ้าเพดานที่อาจทำให้เกิดคราบน้ำ เชื้อรา ลุกลามจนเกิดการรั่วซึมไหลเข้ามาภายในบ้านในที่สุด และอีกปัญหาที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ความสัมพันธ์เพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่ควรคำนึง ในจุดที่มีชายคาใกล้กับเพื่อนบ้านมากๆ เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นออกไปยังพื้นที่ของเพื่อนบ้าน
รางน้ำฝนมีให้เลือกหลายหลายวัสดุ เช่น
ไฟเบอร์กลาส – มีความแข็งแรง ทนทาน ทนต่อสถาวะความเป็นกรด แสงแดด ไม่ผุกร่อน ไม่เป็นสนิม สามารถเชื่อมชิ้นงานให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ ป้องกันปัญหาการรั่วซึมตามรอยต่อ
สแตนเลส - รางน้ำที่มีความทน ไม่เกิดสนิม ควรเลือกสเตนเลสเกรด 304 แต่ปัญหาที่พบกับรางน้ำสเตนเลสเมื่ออายุการใช้งานนาน 10 ปีขึ้นไป มักเกิดปัญหารั่วจากจุดเชื่อมต่อ
ไวนิล - รางน้ำผลิตจากพลาสติก เกรดที่ใช้สำหรับงานภายนอก ไม่เป็นสนิม ซึงในท้องตลาดมีให้เลือกหลายเกรดและราคา ความคงทนก็จะแตกต่างกันไปควรศึกษาให้ดีก่อนเลือกใช้
สังกะสี - รางน้ำที่ได้รับความนิยมในอดีต เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาง่าย ราคาไม่แพง ข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือรางน้ำสังกะสีผุง่ายเป็นสนิม อายุการใช้งานสั้นกว่าวัสดุอื่นๆ
วิธีเลือกใช้รางน้ำฝนควรเลือกวัสดุที่มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 10-15 ปี มีรูปร่างของรางน้ำเป็นรูป ป.ปลา ด้านหลังสั้นกว่าด้านหน้า เพราะถ้าตื้นเกินไปจะเกิดน้ำล้นไหลย้อนเข้าเชิงชายและฝ้าเพดานได้
วิธีการเลือกขนาดของรางน้ำฝนที่เหมาะสมในการรับน้ำ
รางน้ำฝนขนาด 4 นิ้ว ใช้กับหลังคาที่มีความยาวไม่เกิน 5 เมตร
รางน้ำฝนขนาด 5 นิ้ว ใช้กับหลังคาที่มีความยาวไม่เกิน 5-15 เมตร
รางน้ำฝนขนาด 6 นิ้ว ใช้กับหลังคาที่มีความยาวมากกว่า 15 เมตร